ครู คือหัวใจในการพัฒนาเด็กๆ ดังนั้นพลังที่ครูจะส่งต่อไปหาผู้คนรอบข้างจึงต้องเป็นพลังดีงาม นั่นคือสาเหตุที่โรงเรียนทอสีให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นองค์รวม มากพอๆ กับการพัฒนาบุคลากรในระดับบุคคล เพราะไม่ว่าจะเป็นบุคลากรที่ใกล้ชิดกับเด็กๆ มากน้อยแค่ไหน ทุกคนต่างก็เป็นคุณครูของเด็กๆ ทั้งสิ้น
โครงสร้างพลังงาม คือผังองค์กรของโรงเรียนทอสี ช่วยย้ำเตือนให้พนักงานทุกคนเห็นความสำคัญของตำแหน่งงานของตนเอง ที่ไม่ได้เน้นแค่การเติบโตในหน้าที่การงานเพียงเท่านั้น แต่การทำงานนี้จะต้องสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้นด้วย ฉะนั้นพลังงานที่ทุกคนทุ่มเทลงไปในงานจึงต้องเป็นพลังที่ดีงามต่อสังคม
โครงสร้างการทำงานของโรงเรียนทอสีแบ่งออกเป็น 2 สายใหญ่ซึ่งทำงานร่วมกัน คือสายการสอน ที่มีเนื้องานครอบคลุมตั้งแต่การสอนเด็กๆ ไปจนถึงการพัฒนาชีวิตครู ผู้ปกครอง และสายพัฒนา หรือฝ่ายสนับสนุนปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็นต่อโรงเรียน โดยมีครูอ้อน ผู้อำนวยการและผู้จัดการโรงเรียนทอสีเป็นต้นแบบของพลังงานที่ดีงาม คอยส่งต่อพลังดีๆ นี้ให้กับคุณครูทุกคน
ครูอ้อน คือผู้ก่อตั้งโรงเรียนทอสี ปัจจุบันครูอ้อนเป็นผู้อำนวยการและผู้จัดการของโรงเรียน นอกจากการดูแลภาพรวมของโรงเรียนแล้ว ยามว่างครูอ้อนยังใช้เวลาลงมาพบปะพูดคุยกับเด็กๆ เป็นประจำ หากมีโอกาสครูอ้อนจะลงมาเล่านิทานให้น้องๆ ชั้นอนุบาลฟังด้วย
“ครูอ้อนอยากเห็นบุคลากรทุกคนมีความสุข โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอก หรือไม่ต้องรอให้ใครมากล่าวชม เรื่องเหล่านี้อาจเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในระดับจิตใจของพวกเขาก็ได้ และครูอ้อนหวังว่าครูทุกคนจะหมั่นหล่อเลี้ยงจิตใจของตนเองให้เติบโตงอกงามด้วยความสุขอยู่เสมอ
“ครูอ้อนเชื่อว่าถ้าตัวเรามีความสุข เราก็จะส่งต่อพลังงานแห่งความสุขและความสร้างสรรค์ให้คนอื่นได้ เหมือนกับการจุดเทียน ถ้าคุณครูมีความสุข เพื่อนครูด้วยกันก็จะมีความสุข เด็กๆ ก็จะมีความสุขไปด้วย”
“ฝ่ายของเราเปรียบเหมือนฝ่ายวิชาการในโรงเรียนอื่นๆ แต่เหตุผลที่เราเลือกใช้คำว่าวิชาชีวิต เพราะเราอยากปรับทัศนคติให้คุณครูเล็งเห็นความสำคัญของบทเรียนในชีวิตประจำวันด้วย ถ้าบอกว่าเราเป็นฝ่ายวิชาการอย่างเดียว คนสอนเองก็อาจจะลืมว่าต้องให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตและสังคมรอบตัวไป เราจึงพยายามตีความเรื่องราวในชีวิตประจำวันให้กลายเป็นบทเรียนที่เหมาะสมกับเด็กๆ แต่ละช่วงวัย”
ฝ่ายวิชาชีวิตนักเรียน ทำงานประสานกับคุณครูในแต่ละระดับชั้น ทั้งชั้นอนุบาลและประถมศึกษา เพื่อออกแบบกิจกรรม รวมถึงวิธีการสอนสำหรับบทเรียนต่างๆ ที่เหมาะสมกับเด็กๆ ในแต่ละวัย นอกจากนี้ ฝ่ายวิชาชีวิตนักเรียนยังต้องดูแลเรื่องการใช้ชีวิตอย่างเป็นองค์รวมของเด็กๆ ด้วย นั่นคือการสนับสนุนให้พวกเขาทดลองทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองให้เป็น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลข้าวของเครื่องใช้ในห้องเรียน การทำอาหาร และการฝึกทักษาอื่นๆ เพื่อให้พวกเขาเติบโตไปเป็นเด็กที่สามารถดูแลตนเองได้ในสังคมนอกรั้วโรงเรียน
“ฝ่ายวิชาชีวิตครูและผู้ปกครอง ทำหน้าที่บ่มเพาะพัฒนาให้คุณครูคนแรก (พ่อแม่) และคุณครูคนที่สอง (คุณครูที่ทอสี) มีทักษะและหลักการในการพัฒนาเด็กที่สอดคล้องกัน แม้จะแตกต่างกันในรายละเอียด คือครูอาจเน้นไปที่การเรียนการสอน ส่วนผู้ปกครองเน้นไปที่ทักษะชีวิต แต่เมื่อทั้งครูและผู้ปกครอง ทำงานประสานสอดคล้องกัน เด็กๆ ย่อมพัฒนาเติบโตตามหลักพุทธปัญญาได้อย่างงดงาม”
ฝ่ายวิชาชีวิตครูและผู้ปกครอง ถือเป็นผู้เชื่อมโยงบ้านและโรงเรียน ให้ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจในหลักการและวิถีทอสีที่ชัดเจน จนมีความพร้อมที่จะพัฒนาเด็กๆ ไปด้วยกันอย่างเป็นระบบ โดยการพัฒนาครูและผู้ปกครอง จะทำผ่านกิจกรรมหลากหลาย เช่น การอบรมครู ผู้ปกครอง การปฏิบัติธรรม การประชุมประจำเทอมเพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องราวของเด็กๆ ระหว่างอยู่ที่บ้านและโรงเรียน
“หากเปรียบโรงเรียนทอสีเป็นแม่น้ำสายหนึ่ง ฝ่ายพัฒนาธุรกิจก็เหมือนต้นน้ำ เพราะเราทำหน้าที่ดูแลภาพรวมของโรงเรียนทั้งหมด ทำให้คนรู้จักโรงเรียน และเข้าใจโรงเรียนมากขึ้นผ่านภาพที่เรานำเสนอ”
ฝ่ายพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ทำหน้าที่เป็นหน่วยสื่อสารองค์กร นำเสนอเรื่องราวของโรงเรียนให้เป็นที่รู้จักผ่านสื่อต่างๆ ขณะเดียวกันยังเป็นฝ่ายที่ดูแลเรื่องการตลาดของโรงเรียนทั้งหมด ตั้งแต่ขั้นตอนแรกเริ่มอย่างการรับสมัครนักเรียน ไปจนถึงกิจกรรมอื่นๆ ของโรงเรียน เช่น กิจกรรมเสริมพิเศษบ่าย และค่ายช่วงปิดเทอมต่างๆ โดยฝ่ายพัฒนาธุรกิจทำงานร่วมกับฝ่ายการเงิน ฝ่ายบัญชี และฝ่ายบุคคลเพื่อวางแผนแนวทางของโรงเรียนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
“เราไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นพนักงานในโครงสร้างองค์กร แต่เราทำงานเพื่อสังคม เราอยากส่งต่อพลังแห่งความดีงามไปสู่เด็กๆ และทุกสิ่งรอบตัว ฝ่ายเราจึงมองหาคนที่ใฝ่รู้ มุ่งมั่นอยากพัฒนาตัวเองไปตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในด้านธรรมะหรือด้านการใช้ชีวิต”
ฝ่ายบุคคล เปรียบเสมือนอีกหนึ่งต้นน้ำของโรงเรียน ทำหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของคุณครูในโรงเรียน รับสมัครครู บุคลากรที่มีรูปแบบการทำงานเข้ากับโรงเรียนทอสี เพื่อเป็นกำลังในการส่งต่อการเรียนรู้วิถีพุทธปัญญาสู่สมาชิกในชุมชน
“ในภาพรวม ฝ่ายของเราดูแลและจัดการความเป็นอยู่ของสมาชิกในชุมชนทอสีให้กินเป็นอยู่เป็นอย่างมีความสุข มีสุขภาพและสุขอนามัยที่ดี”
ฝ่ายบริการองค์กร ทำหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของสมาชิกในรั้วทอสี โดยดูแลใน 4 ด้านคือ อาหารการกิน การจัดอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ พร้อมกับฝึกให้เด็กๆ ได้กินของดีมีประโยชน์ที่พวกเขาอาจไม่คุ้นชิน การพยาบาล ดูแลเรื่องสุขภาพ เตรียมพร้อมหากเกิดโรคระบาด และอุบัติเหตุในโรงเรียน ความสะอาด ดูแลพื้นที่ทั้งหมดของโรงเรียนให้น่าใช้ และ จัดเครื่องนุ่งห่ม จำหน่ายเครื่องแบบสำหรับนักเรียนทุกคน
“งานหลักของเราคือการดูแลพื้นที่ภายในและภายนอกอาคารเรียนทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียน พื้นที่ส่วนกลาง ถนนหนทาง รวมถึงพื้นที่สีเขียวให้เรียบร้อย ปลอดภัย เพื่อให้เด็กๆ คุณครูและผู้ปกครองสามารถใช้พื้นที่ตรงนี้ได้อย่างมีความสุข”
ฝ่ายบริหารพื้นที่ รับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของโรงเรียนทั้งหมด นอกจากอาคารเรียน พื้นที่ใช้สอยที่ทุกคนต้องใช้ร่วมกันแล้ว ฝ่ายบริการพื้นที่ยังดูแลไปถึงความปลอดภัยเมื่อมีการก่อสร้างในโรงเรียน ซึ่งรวมถึงการเตรียมความพร้อมให้เด็กๆ เข้าใจว่าพื้นที่จุดไหนอันตรายไม่ควรเข้าไปวิ่งเล่น ในบางครั้งคุณครูฝ่ายบริหารพื้นที่จึงจัดกิจกรรมในห้องเรียนพาเด็กๆ เข้าไปเรียนรู้การทำงานในไซต์ก่อสร้างเพื่อความปลอดภัย และอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญ คือการดูแลสภาพแวดล้อมของโรงเรียนให้ร่มรื่นน่าอยู่ ด้วยการสรรหาต้นไม้ใหม่ๆ เข้ามาปลูกในโรงเรียน จัดหาพืชพันธุ์ที่เหมาะสมกับการเรียนรู้มาเพิ่มเติมเมื่อจำเป็น และดูแลจุดทิ้งขยะของโรงเรียนให้สะอาด น่าใช้อยู่เสมอ
ฝ่ายการเงินและบัญชี ทำหน้าที่ดูแลเรื่องรายรับ-รายจ่ายของโรงเรียน